Blog
‘PC’ ในบริบทของคนทั่วไปอาจจะเข้าใจว่าหมายถึง ‘personal computer’ หรือ ‘คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล’ ที่เราใช้งานกันในชีวิตประจำวัน แต่คำว่า ‘PC’ ที่เราอยากพูดถึงในวันนี้ย่อมาจากคำว่า ‘Political Correctness’ หรือ ‘ความถูกต้องทางการเมือง’ ฟังดูหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องของการเมืองหรือเปล่า แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น คำว่า ‘PC’ ในที่นี้คือการหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาหรือพฤติกรรมที่ดูหมิ่นผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งการใช้ภาษาผู้พูดจะต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นเพราะอาจจะไปกระทบความรู้สึกผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเมื่อเรากำลังพูดในภาษาที่ไม่ใช่ภาษาหลักของเรา ด้วยข้อจำกัดทางด้านภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทำให้เราเผลอใช้คำที่ไม่เหมาะสมโดยไม่รู้ตัว ถ้าผู้ฟังเข้าใจว่าเราไม่ได้มีเจตนาที่จะดูหมิ่นแต่พูดออกไปด้วยข้อจำกัดด้านภาษาก็ดีไป แต่ถ้าหากผู้ฟังไม่ทราบว่าเรากำลังเรียนรู้การใช้ภาษาใหม่ ๆ ก็อาจทำให้เกิดความไม่พอใจได้ วันนี้ Berlitz จึงอยากจะมาพูดถึงการใช้ภาษาที่มีความ PC กัน
.
ความหมายของ PC ใน Cambridge dictionary กล่าวไว้ว่า ‘The act of avoiding language and actions that could be offensive to the others, especially those relating to sex and race.’ แปลเป็นไทยก็คือ PC คือการเลี่ยงการใช้ภาษาหรือการกระทำที่อาจทำให้คนอื่นขุ่นข้องใจ โดยเฉพาะเรื่องที่อาจเป็นการเหยียดเพศหรือเชื้อชาติ ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องเพศและเชื้อชาติแล้วยังรวมไปถึง สีผิว, วัฒนธรรม, ศาสนาหรือรูปลักษณ์ อีกด้วย political correctness (N.) มีหน้าที่เป็นคำนาม แต่ถ้าเป็นคำคุณศัพท์จะใช้คำว่า politically correct (adj.)
.
ในอดีตโลกเราอาจมีชุดคำจำนวนหนึ่งที่เมื่อพูดไปแล้วอาจนำไปสู่การลดทอนความเป็นมนุษย์หรือดูถูกคนอื่น จึงมีการรณรงค์ให้หลีกเลี่ยงการใช้คำหรือการกระทำเหล่านั้นเพราะมันอาจไปกระทบจิตใจ ถึงแม้เจตนาของผู้พูดหรือผู้กระทำอาจจะไม่ได้ตั้งใจให้รู้สึกโดนนดูถูกก็ตาม อย่างเช่นในสังคมอเมริกันปัจจุบันเลิกใช้คำว่า ‘นิโกร (Negro)’ ในการเรียกคนผิวสีเพราะแสดงถึงการเหยียดเชื้อชาติ และหันมาใช้คำว่า ‘แอฟริกัน-อเมริกัน’แทน หรือการใช้คำนำหน้านามที่ระบุถึงสถานะสมรส อย่างเช่นผู้ชายทุกคนก็จะมีคำนำหน้าชื่อว่า Mister (Mr.) ไม่ว่าสถานะแต่งงานจะเป็นอย่างไร แต่ผู้หญิงทุกคนถ้ายังไม่แต่งงานจะมีคำนำหน้าชื่อว่า Miss (Ms.) แต่ถ้าแต่งงานแล้วก็จะเปลี่ยนมาเป็น Misses (Mrs.) แทน แต่ในปัจจุบันถ้าหากเราไม่ทราบสถานะการแต่งงานของผู้หญิง การใช้คำนำหน้าชื่อว่า Miss (Ms.) แก่ผู้หญิงทุกคนก็เป็นคำกลางที่ให้เกียรติมากกว่าโดยไม่ต้องระบุถึงสถานะสมรสแต่อย่างใด และที่สำคัญคือแสดงถึงความเท่าเทียมกันทางเพศระหว่างหญิงและชายอีกด้วย
.
จะเห็นได้ว่าการใช้ภาษาที่ไม่ใช่ภาษาหลักของเรานั้นจะต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะด้วยข้อจำกัดทางด้านภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างอาจทำให้เราเผลอพูดคำที่ไม่เหมาะสมออกไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้การที่จะพัฒนาทักษะด้านภาษาเพื่อให้มีความ PC นั้น นอกจากหาความรู้ด้วยตัวเองแล้ว การเรียนรู้ผ่านบทสนทนากับชาวต่างชาติและ Native speaker ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยยกระดับการใช้ภาษาของเราได้ ที่ Berlitz เพื่อน ๆ จะได้เรียนภาษากับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเจ้าของภาษา ซึ่งนอกจากผู้เรียนจะได้ฝึกสนทนาในภาษาเป้าหมายตลอดคาบเรียนแล้ว ยังได้รับคำแนะนำการใช้ภาษาให้ถูกหลักและยังเกิดการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมอีกด้วย ซึ่งการเรียนภาษาแบบ Berlitz Method ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกว่าจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะการใช้ภาษาไปพร้อมกับเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงและที่สำคัญมีความ ‘PC’ ในเวลาเดียวกันอีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดคอร์สเรียนที่เรานำเสนอได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลย
ที่มา: https://workpointtoday.com/political-correctness-comedy/
https://hbr.org/2006/09/rethinking-political-correctness
อ่านต่อ
เป็นเวลากว่า 76 ปีแล้วนับตั้งแต่องค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น (United Nations: UN) ได้ถูกสถาปนาขึ้นอย่างเป็นทางการ ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับมนุษย์ ก็เกือบเท่ากับอายุขัยของคน ๆ หนึ่งเลยทีเดียว เพียงแต่บทบาทและหน้าที่ของยูเอ็นนั้นเดินทางสวนทางกับร่างกายสิ่งมีชีวิตที่มีอายุมากขึ้น ถึงแม้จะเข้าสู่ปีที่ 76 แต่วัตถุประสงค์ที่จะนำสันติภาพมาสู่โลกของยูเอ็นกลับไม่เคยเสื่อมคลาย วันนี้เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองแด่วันสหประชาชาติ Berlitz จะขออาสาเล่าเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับยูเอ็นให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันค่ะ
ก่อนหน้าที่ UN จะถูกจัดตั้ง โลกเราเคยมีองค์การระหว่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่อธำรงรักษาสันติภาพให้แก่โลกเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เรียกว่า ‘องค์การสันนิบาตชาติ (League of Nations)’ แต่เพราะการเกิดขึ้นของสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้องค์การดังกล่าวถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองจบลง แฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt) ประธานธิบดีคนที่ 32 ของสหรัฐอเมริกาและวินสตัน เชอร์ชิลล์ (winston churchill) นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร จึงมีแนวคิดที่จะจัดตั้งองค์การสหประชาชาติขึ้นทดแทนองค์การสันนิบาตชาติที่ไม่มีกองกำลังทหารและอำนาจในการยับยั้งข้อพิพาทระหว่างประเทศ
วันสหประชาชาติถูกกำหนดให้ตรงกับวันที่ 24 ตุลาคมของทุกปี เนื่องจากเป็นวันที่กฎบัตรสหประชาชาติ (Charter of the United Nations) มีผลบังคับใช้เมื่อปี ค.ศ.1945 โดยมีภารกิจตั้งอยู่บน 3 เสาหลักคือ
ด้านสิทธิมนุษยชน
ด้านสันติภาพและความมั่นคง
การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ
ประเทศสมาชิกเริ่มต้นที่ร่วมลงนามในกฎบัตรสหประชาชาติมีทั้งหมด 51 ประเทศ ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 193 ประเทศ ประเทศไทยเราเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ 55 เมื่อปี ค.ศ.1946 สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เลขาธิการสหประชาชาติคนปัจจุบันคือ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส ชาวโปรตุเกส
องค์กรหลักของสหประชาชาติประกอบด้วย 6 องค์กร ได้แก่
สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (General Assembly)
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม (Economic and Social Council)
คณะมนตรีภาวะทรัสตี (Trusteeship Council)
สำนักงานเลขาธิการสหประชาชาติ (The Secretariat)
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice)
ส่วนภาษาที่ถูกกำหนดให้ใช้อย่างเป็นทางการในองค์การสหประชาชาติมีอยู่ด้วยกันถึง 6 ภาษาคือ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, สเปน, รัสเซีย, จีน, และอาหรับ โดยภาษาอาหรับเป็นภาษาล่าสุดที่ถูกบรรจุให้เป็นภาษาทางการเมื่อปี ค.ศ.1973
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่มีความฝันอยากทำงานในองค์กรระหว่างประเทศ จะเห็นได้ว่าการเรียนภาษาที่สามนั้นมีความสำคัญมาก เพราะนอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ก็มีภาษาอื่น ๆ ที่ถูกใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งผู้ที่มีความสามารถด้านภาษาที่หลากหลาย จะมีความได้เปรียบในการทำงาน เพราะฉะนั้นการเรียนภาษา โดยเฉพาะการฝึกสนทนากับเจ้าของภาษาที่จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจการใช้ภาษาและวัฒนธรรมได้อย่างถูกต้องตามบริบทรวดเร็วมากยิ่งขึ้น การเรียนภาษาที่ Berlitz อาจารย์เจ้าของภาษาจะใช้วิธีการสอนผ่านบทสนทนาที่นำเสนอคำศัพท์และไวยากรณ์ที่ใช้ได้จริงด้วยวิธีเฉพาะแบบ Berlitz (Berlitz Method) ทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย เพื่อน ๆ สามารถค้นหาคอร์สเรียนภาษาที่ Berlitz มีให้บริการด้านล่างได้เลยค่ะ
อ่านต่อ
เมืองเวนิส เมืองท่องเที่ยวชื่อดังของอิตาลีเองก็ประสบกับปัญหาน้ำท่วมเกือบทุกปี ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลแค่ 1 เมตร ประกอบกับสภาวะโลกร้อน ทำให้เมืองเวนิสต้องเจอกับปัญหาน้ำท่วมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อระดับน้ำทะเลหนุนสูงขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เมืองมรดกโลกที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต้องจมอยู่ใต้น้ำ พวกเขาได้มีโครงการสร้างระบบป้องกันน้ำไว้อย่างไร
อ่านต่อ