3 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จการเรียนภาษาในปี 2022

3 tips to stay on track learning a new language in 2025

เมื่อพูดถึงปณิธานสำหรับปีใหม่ (New Year’s Resolution) จะมีไม่กี่สิ่งที่มักปรากฏอยู่ลิสต์ทุกปี ไม่ว่าจะเป็น การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ, ออกกำลังกายมากขึ้น, พักผ่อนให้มากขึ้น แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เรามักจะถูกบรรจุไว้ในลิสต์ทุกปีก็คือ การเรียนภาษาใหม่ ๆ

เหตุผลที่การเรียนภาษามักปรากฏอยู่ในลิสต์ของใครหลายคนในทุกปีเป็นเพราะเราต่างรู้ดีว่าการเรียนภาษานั้นสำคัญแค่ไหน เพียงแต่อาจจะขาดกลยุทธ์การเรียนภาษาที่มีประสิทธิภาพจึงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้สักที

ความจริงแล้วทักษะด้านภาษานั้นถือเป็นทักษะที่ไม่เคยตกเทรนด์เลยไม่ว่าโลกจะหมุนเร็วขึ้นเพียงใดก็ตาม เพราะไม่เพียงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน รวมถึงช่วยขยายโอกาสสำหรับการทำงานแบบทางไกลอีกด้วย ทักษะภาษาถือเป็นคุณสมบัติสำคัญของการทำงานในยุคไร้พรมแดนปัจจุบัน

เพื่อที่จะทำให้การเรียนภาษาไหม่ ๆ ของคุณเป็นผลสำเร็จในปี 2025 นั้นมีเคล็ดลับง่าย ๆ ก็คือการเริ่มเรียนภาษาอย่างจริงจัง และวันนี้เรามี 3 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณไปถึงฝั่งฝันในการพูดภาษาที่ 2 หรือบางทีอาจจะ 3 อย่างคล่องแคล่ว

1. สมัครคอร์สเรียนภาษาไว้

อาจจะดูตรงเกินไป แต่การเรียนภาษาในห้องเรียนก็เหมือนกับการเรียนทักษะอื่น ๆ นั่นก็คือต้องเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ในที่นี้ก็คืออาจารย์เจ้าของภาษา

การเรียนด้วยตัวเองจาก YouTube หรือแอปพลิเคชันสอนภาษาฟรีบนมือถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรใช้เป็นช่องทางเสริมในการเรียนมากกว่าช่องทางหลัก ถ้าหากคุณใช้ช่องทางเสริมมากเกินไปจะทำให้คุณขาดทักษะการนำบทสนทนาไปใช้ในชีวิตจริง คุณอาจจะเรียนรู้คำศัพท์หรือวลีใหม่ ๆ ได้ เพียงแต่คุณจะลืมมันในที่สุดหากไม่ได้นำไปใช้ในชีวิตจริง

ประโยชน์ของการลงคอร์สเรียนภาษาที่ Berlitz ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์สดหรือเรียนที่ห้องเรียนไม่เพียงช่วยให้คุณเข้าถึงอาจารย์เจ้าของภาษาเท่านั้น แต่ยังช่วยคุณวางแผนการเรียนที่มีผลต่อพัฒนาการของคุณ การเรียนของคุณจะมีแบบแผนที่ชัดเจนตามเป้าหมายที่เราได้วางไว้ในแต่ละบทเรียน ไม่เพียงช่วยให้คุณเดินตามแผน แต่ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนอีกด้วย

2. บันทึกพัฒนาการของคุณทีละขั้น

เรากำลังอยู่ในปี 2025 นั่นหมายถึงคุณสามารถจดบันทึกพัฒนาการการเรียนของคุณได้เพียงใช้ปลายนิ้วพิมพ์ลงไปในรูปแบบดิจิทัล หนึ่งในแนวทางที่จะทำให้เราเห็นพัฒนาการตัวเองได้คือการบันทึกมันลงไป ไม่ว่าจะจดไว้ในรูปแบบไดอารี่, blog, หรือบันทึกผ่านวิดีโอ คุณจะรู้สึกถึงพลังและแรงบันดาลใจในการไปต่ออีกขั้น

การใช้ Social media ในการจดบันทึกพัฒนาการก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้คุณได้รับกำลังใจและสิ่งกระตุ้นจากคนรู้จัก แล้วคุณจะแปลกใจที่มีผู้คนมากมายกำลังเอาใจช่วยการเรียนภาษาของคุณ

เมื่อคุณบันทึกทุกอย่างลงไปคุณจะได้เห็นพัฒนาการของการเรียนภาษาคุณตั้งแต่เริ่ม บางทีคุณอาจจะรู้สึกท้อแท้และดูถูกตัวเองว่าเมื่อไรจะใช้ภาษาได้คล่องสักที แต่เมื่อคุณจดบันทึกทุกอย่างลงไปคุณจะแปลกใจว่านับตั้งแต่วันแรกที่คุณไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับภาษานี้ แต่วันนี้คุณสามารถสื่อสารกับเจ้าของภาษาได้บ้างแล้ว การจดบันทึกพัฒนาการของคุณจะช่วยให้คุณมีกำลังในการเรียนมากขึ้น

3.ใช้แอปพลิเคชันเรียนภาษาฟรี

ตามที่เราได้บอกไปในข้อแรกว่าวิธีนี้อาจจะไม่ใช่ช่องทางหลัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีประสิทธิภาพ เพราะหากคุณใช้มันอย่างเหมาะสมก็จะช่วยเสริมทักษะให้คุณได้เช่นกัน นั่นเป็นเพราะแอปพลิเคชันสอนภาษาต่าง ๆ มักมีเกมส์หรือกิจกรรมให้คุณได้ฝึกภาษายามว่าง

แต่ประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับช่องทางนี้ก็คือคุณไม่ต้องควักเงินจ่ายสักบาท ทำให้คุณสามารถเลือกใช้เฉพาะโปรแกรมที่คุณชื่นชอบมากแค่ไหนก็ได้ เมื่อไรที่คุณเจอแอปพลิเคชันในดวงใจ คุณก็สามารถฝึกภาษาเองได้นอกห้องเรียน

ซึ่งสิ่งที่ยากสุดสำหรับผู้เรียนภาษาก็คือยังขาดความมั่นใจในการพูดเมื่ออยู่นอกห้องเรียน AI ของแอปพลิเคชันเหล่านี้นอกจากจะช่วยฝึกการเรียนเรียนภาษาให้กับคุณแล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นใจในการพูดภาษาอีกด้วย

การเรียนภาษาถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งนั่นทำให้หลายคนไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน เพราะไม่ใช่เพียงแค่การเรียนภาษาอังกฤษเท่านั้นที่มีความจำเป็นในทุกวันนี้ แต่การเรียนภาษาเยอรมันหรือภาษาเกาหลีก็สามารถช่วยคุณในการสื่อสารกับผู้ร่วมงานหรือใช้ในการเจรจาธุรกิจได้ การมีกรอบแบบแผนในการเรียนที่แน่นอนจะช่วยให้คุณพัฒนาได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ด้วยเคล็ดลับที่ Berlitz นำมาเล่าวันนี้จะช่วยให้การเรียนภาษาในปี 2025 ของคุณไม่เหมือนปีก่อน ๆ ซึ่งเผลอ ๆ คุณอาจจะเริ่มต้นพูดภาษาที่ 3 หรือ 4 ในปี 2026 ก็ได้!